วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วิวัฒนาการของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
วิวัฒนาการของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในฐานะเป็นวิชาการเริ่มต้นในช่วงก่อนมหา สงครามโลกครั้งที่ 1 (1914-1918) และมีวิวัฒนาการโดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วง โดยการ พิจารณาประเด็นหลัก ๆ ได้แก่ 1) การศึกษาเชิงประวัติศาสตร์การทูต 2) การพิจารณาเชิง เหตุการณ์ปัจจุบัน 3) กฎหมายระหว่างประเทศ และ 4) การเมืองระหว่างประเทศ ช่วงเวลาที่หนึ่ง : ประวัติศาสตร์การทูต ในช่วงนี้มีการศึกษาเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ของทางการทูต มีข้อเขียนในเรื่องนี้มากในประเทศอังกฤษ โดยเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นเมื่อหลายศตวรรษมาแล้ว ตัวอย่าง ได้แก่ การศึกษานโยบายต่างประเทศของอังกฤษ โดยรัฐบุรุษและนักการทูตสําคัญ ๆ เช่น พาลเมอร์สตั้น (Palmerston) และแคนน ิ่ ง (Canning) ให้ความสําคัญกับความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ตามวิธีการค้นคว้าทาง ประวัติศาสตร์ ไม่มีการตั้งข้อสังเกตแบบทั ่ว ๆ ไป (generalization) ในช่วงนี้เป็นความ พยายามที่จะพูดถึงเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศโดยปราศจากทฤษฎี ดังนั้น จึง กล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่บรรยายหรือพรรณนาเหตุการณ์ในอดีตช่วงแรกที่ครอบคลุมระยะเวลา ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 และช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย จัดได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่นัก ประวัติศาสตร์มีบทบาทในวิทยาการที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ช่วงเวลาที่สอง : เน้นเหตุการณ์ เป็นช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ สงครามโลกครั้งที่ 2 ดังนั้น ให้ความสําคัญกับหนังสือพิมพ์หรือวารสารข่าวไม่ได้คํานึง ถึงการ ลําดับเหตุการณ์จากอดีตและทําให้ผู้ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นผู้ที่ สนับสนุนกฎเกณฑ์หรือระเบียบการเกี่ยวกับการต่างประเทศตามความคิดเห็นของตน ตัวอย่าง คือ การอภิปรายโดยไม่ศึกษาวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องการค้าเสรีการ ปฏิรูประบบการเงินนานาชาติหรือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์การระหว่างประเทศ ไม่มีความพยายามเปรียบเทียบประเด็นปญหา ผู้ที่เขียนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง ั ประเทศในช่วงนี้ ได้แก่ อดีตประธานาธิบดีวูดโร วิลสัน อเมริกันซึ่งต่อต้านการพิจารณา เหตุการณ์ทางการทูตในอดีต เช่น คองเกรสแห่งเวียนนา (Congress of Vienna) ซึ่งฝาย่ อังกฤษเสนอในการประชุมใหญ่เพื่อสันติภาพ ณ กรุงปารีส 454 PS 103 อาจสรุปแนวเหตุการณ์ปจจุบันนี้ คือ ั ประการแรก เป็นเรื่องของการพิจารณาวันต่อ วันในการแก้ไขปญหาของโลก ั ประการที่ 2 ขาดวิธีการศึกษาและวินิจฉัยเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง ดังนั้น จึงมีการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเรื่อง พื้น ๆ เช่น กีฬา โอลิมปิกส์ที่เอเธนส์ 2004 หรือการเคลื่อนไหวทางการทูตของสหรัฐอเมริกา เพื่อหาพันธมิตร หรือองค์การสหประชาชาติ ในการช่วยดูแลอิรัคหลังการมอบคืนอํานาจให้แก่อิรัคในวันที่ 28 มิถุนายน 2547 ช่วงที่สาม : เน้นหนักทางกฎหมาย ช่วงที่ 3 นี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับช่วงที่ 2 ได้ให้ ความสนใจเป็นพิเศษในการเมืองระหว่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ จุดหมายคือเพื่อ ค้นหาเป้ าหมายและวัตถุประสงค์ของสังคมนานาชาติว่ามีแนวโน้มไปในทางใด และพยายาม หาทางปรับปรุงแก้ไขสถาบันต่าง ๆ เท่าที่มีอยู่หรือก่อให้ เกิดมีเพื่อจะบรรลุเป้ าหมาย นักวิชาการทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีสภาพคล้ายกับเป็นนักปฏิรูปสังคม การเมือง เช่น การสถาปนาสันนิบาตชาติ(League of Nations) ลักษณะเด่น ๆ ของช่วงนี้ ได้แก่ 1) เป็นช่วงที่มีการเล็งผลเลิศว่าโลกจะก้าวไปสู่ความผาสุกภายใต้กฎเกณฑ์ นานาชาติและองค์การระหว่างประเทศ 2) นักวิชาการมีความชํานาญในทางกฎหมาย ระหว่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ 3) มีแนวโน้มที่จะออกความเห็นในเชิงชื่นชมหรือ ตําหนิการกระทําหรือเหตุการณ์นานาชาติโดยไม่คํานึงถึงสภาพการณ์ของประเทศต่าง ๆ ช่วงเวลาที่สี่ : แนวการเมืองระหว่างประเทศ เกิดขึ้นในช่วงหลังมหาสงครามโลก ครั้งที่ 2 ศึกษาประเด็นและเหตุการณ์ต่าง ๆ ใน โลกที่เกิดขึ้นเป็นปกติวิสัย แต่ไม่มีการแสดง ทัศนคติในทางบวกหรือทางลบต่อสิ่งนั้น ๆ ลดความสนใจลงในเรื่องของโครงสร้างและการ จัดองค์การในรูปแบบของสังคมนานาชาติ แต่สนใจเรื่องพลังและลักษณะต่าง ๆ อันมีบทบาทต่อ พฤติกรรมของรัฐประชาชาติ และศึกษาแนวโน้มนโยบายต่างประเทศของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งรูปแบบและวิธีการ เมื่อศึกษาองค์การนานาชาติ เช่น สหประชาชาติ จึงศึกษาโดย พิจารณาว่าเป็นผลจากแรงผลักดันและการเรียกร้องต่าง ๆ ของหลายชาติที่เป็นสมาชิก เมื่อศึกษาเกี่ยวกับชาติที่เป็นสมาชิก ย่อมต้องให้ความสําคัญกับประเทศใหญ่ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ทั้งนี้โดยศึกษานโยบายของประเทศนั้น ๆ ในช่วงนี้มีความเกี่ยวข้องระหว่าง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กับวิชารัฐศาสตร์ โดยตรง ทั้งนี้เพราะรัฐศาสตร์ถือว่าการเมืองเป็นเรื่องการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มและบุคคล เมื่อกลายเป็นการเมืองระหว่างประเทศกลุ่มและบุคคลก็ขยายขอบเขตกลายเป็นหน่วยระดับที่ ใหญ่กว่า คือ ระดับรัฐประชาชาติอนึ่ง มีการศึกษา “การเชื่อมกัน” (linkage) ระหว่างเรื่อง PS 103 455 ภายในประเทศกับการเมืองระหว่างประเทศ ดังที่ศาสตราจารย์โรสเนา (Rosenau) เรียกว่า “การเมืองเรื่องเชื่อมกัน” (linkage politics)

รศ.ดร.สุรพล ราชภัณฑารักษ์ ,ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ,มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น