วิวัฒนาการของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
วิวัฒนาการของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในฐานะเป็นวิชาการเริ่มต้นในช่วงก่อนมหา
สงครามโลกครั้งที่ 1 (1914-1918) และมีวิวัฒนาการโดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วง โดยการ
พิจารณาประเด็นหลัก ๆ ได้แก่ 1) การศึกษาเชิงประวัติศาสตร์การทูต 2) การพิจารณาเชิง
เหตุการณ์ปัจจุบัน 3) กฎหมายระหว่างประเทศ และ 4) การเมืองระหว่างประเทศ
ช่วงเวลาที่หนึ่ง : ประวัติศาสตร์การทูต ในช่วงนี้มีการศึกษาเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ
ของทางการทูต มีข้อเขียนในเรื่องนี้มากในประเทศอังกฤษ โดยเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้นเมื่อหลายศตวรรษมาแล้ว ตัวอย่าง ได้แก่ การศึกษานโยบายต่างประเทศของอังกฤษ
โดยรัฐบุรุษและนักการทูตสําคัญ ๆ เช่น พาลเมอร์สตั้น (Palmerston) และแคนน
ิ่
ง
(Canning) ให้ความสําคัญกับความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ตามวิธีการค้นคว้าทาง
ประวัติศาสตร์ ไม่มีการตั้งข้อสังเกตแบบทั ่ว ๆ ไป (generalization) ในช่วงนี้เป็นความ
พยายามที่จะพูดถึงเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศโดยปราศจากทฤษฎี ดังนั้น จึง
กล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่บรรยายหรือพรรณนาเหตุการณ์ในอดีตช่วงแรกที่ครอบคลุมระยะเวลา
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 และช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย จัดได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่นัก
ประวัติศาสตร์มีบทบาทในวิทยาการที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ช่วงเวลาที่สอง : เน้นเหตุการณ์ เป็นช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ
สงครามโลกครั้งที่ 2 ดังนั้น ให้ความสําคัญกับหนังสือพิมพ์หรือวารสารข่าวไม่ได้คํานึง ถึงการ
ลําดับเหตุการณ์จากอดีตและทําให้ผู้ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นผู้ที่
สนับสนุนกฎเกณฑ์หรือระเบียบการเกี่ยวกับการต่างประเทศตามความคิดเห็นของตน ตัวอย่าง
คือ การอภิปรายโดยไม่ศึกษาวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องการค้าเสรีการ
ปฏิรูประบบการเงินนานาชาติหรือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์การระหว่างประเทศ
ไม่มีความพยายามเปรียบเทียบประเด็นปญหา ผู้ที่เขียนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง ั
ประเทศในช่วงนี้ ได้แก่ อดีตประธานาธิบดีวูดโร วิลสัน อเมริกันซึ่งต่อต้านการพิจารณา
เหตุการณ์ทางการทูตในอดีต เช่น คองเกรสแห่งเวียนนา (Congress of Vienna) ซึ่งฝาย่
อังกฤษเสนอในการประชุมใหญ่เพื่อสันติภาพ ณ กรุงปารีส
454 PS 103
อาจสรุปแนวเหตุการณ์ปจจุบันนี้ คือ ั ประการแรก เป็นเรื่องของการพิจารณาวันต่อ
วันในการแก้ไขปญหาของโลก ั ประการที่ 2 ขาดวิธีการศึกษาและวินิจฉัยเหตุการณ์ต่าง ๆ
อย่างลึกซึ้ง ดังนั้น จึงมีการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเรื่อง พื้น ๆ เช่น กีฬา
โอลิมปิกส์ที่เอเธนส์ 2004 หรือการเคลื่อนไหวทางการทูตของสหรัฐอเมริกา เพื่อหาพันธมิตร
หรือองค์การสหประชาชาติ ในการช่วยดูแลอิรัคหลังการมอบคืนอํานาจให้แก่อิรัคในวันที่
28 มิถุนายน 2547
ช่วงที่สาม : เน้นหนักทางกฎหมาย ช่วงที่ 3 นี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับช่วงที่ 2 ได้ให้
ความสนใจเป็นพิเศษในการเมืองระหว่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ จุดหมายคือเพื่อ
ค้นหาเป้
าหมายและวัตถุประสงค์ของสังคมนานาชาติว่ามีแนวโน้มไปในทางใด และพยายาม
หาทางปรับปรุงแก้ไขสถาบันต่าง ๆ เท่าที่มีอยู่หรือก่อให้ เกิดมีเพื่อจะบรรลุเป้
าหมาย
นักวิชาการทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีสภาพคล้ายกับเป็นนักปฏิรูปสังคม
การเมือง เช่น การสถาปนาสันนิบาตชาติ(League of Nations) ลักษณะเด่น ๆ ของช่วงนี้
ได้แก่ 1) เป็นช่วงที่มีการเล็งผลเลิศว่าโลกจะก้าวไปสู่ความผาสุกภายใต้กฎเกณฑ์
นานาชาติและองค์การระหว่างประเทศ 2) นักวิชาการมีความชํานาญในทางกฎหมาย
ระหว่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ 3) มีแนวโน้มที่จะออกความเห็นในเชิงชื่นชมหรือ
ตําหนิการกระทําหรือเหตุการณ์นานาชาติโดยไม่คํานึงถึงสภาพการณ์ของประเทศต่าง ๆ
ช่วงเวลาที่สี่ : แนวการเมืองระหว่างประเทศ เกิดขึ้นในช่วงหลังมหาสงครามโลก
ครั้งที่ 2 ศึกษาประเด็นและเหตุการณ์ต่าง ๆ ใน โลกที่เกิดขึ้นเป็นปกติวิสัย แต่ไม่มีการแสดง
ทัศนคติในทางบวกหรือทางลบต่อสิ่งนั้น ๆ ลดความสนใจลงในเรื่องของโครงสร้างและการ
จัดองค์การในรูปแบบของสังคมนานาชาติ แต่สนใจเรื่องพลังและลักษณะต่าง ๆ อันมีบทบาทต่อ
พฤติกรรมของรัฐประชาชาติ และศึกษาแนวโน้มนโยบายต่างประเทศของประเทศต่าง ๆ
รวมทั้งรูปแบบและวิธีการ เมื่อศึกษาองค์การนานาชาติ เช่น สหประชาชาติ จึงศึกษาโดย
พิจารณาว่าเป็นผลจากแรงผลักดันและการเรียกร้องต่าง ๆ ของหลายชาติที่เป็นสมาชิก
เมื่อศึกษาเกี่ยวกับชาติที่เป็นสมาชิก ย่อมต้องให้ความสําคัญกับประเทศใหญ่ๆ เช่น
สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ทั้งนี้โดยศึกษานโยบายของประเทศนั้น ๆ
ในช่วงนี้มีความเกี่ยวข้องระหว่าง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กับวิชารัฐศาสตร์
โดยตรง ทั้งนี้เพราะรัฐศาสตร์ถือว่าการเมืองเป็นเรื่องการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มและบุคคล
เมื่อกลายเป็นการเมืองระหว่างประเทศกลุ่มและบุคคลก็ขยายขอบเขตกลายเป็นหน่วยระดับที่
ใหญ่กว่า คือ ระดับรัฐประชาชาติอนึ่ง มีการศึกษา “การเชื่อมกัน” (linkage) ระหว่างเรื่อง
PS 103 455
ภายในประเทศกับการเมืองระหว่างประเทศ ดังที่ศาสตราจารย์โรสเนา (Rosenau) เรียกว่า
“การเมืองเรื่องเชื่อมกัน” (linkage politics)
รศ.ดร.สุรพล ราชภัณฑารักษ์ ,ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ,มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น